เช็กก่อนซ่อม! ซ่อมผิวถนนคอนกรีตหน้าฝนให้คุ้มงบ คุณภาพไม่ตก
- Ferro Construction Products co., ltd

- 14 ส.ค.
- ยาว 1 นาที
เคยสงสัยไหม? ว่าทำไมการซ่อมผิวถนนคอนกรีตในการหน้าฝนส่วนใหญ่จึงจบด้วยปัญหางบประมาณบานปลาย พื้นถนนพังซ้ำซาก และงานเสร็จไม่ทันกำหนด!

สารพัดปัญหาเหล่านี้เปรียบเหมือนฝันร้ายที่แทบจะทุกโครงการต้องเจอ เพราะทุกครั้งที่ฝนตกลงมามักจะส่งผลกระทบต่อคุณภาพงาน ระยะเวลาของโครงการ และงบประมาณที่ต้องจ่ายเพิ่มจากงานล่าช้า ยิ่งเวลาบีบรัดจนโครงการล่าช้ามากเท่าไหร่ ก็ยิ่งเสี่ยงต่อคุณภาพงาน เสี่ยงเจอปัญหาพื้นสึกกร่อน หลุดล่อน ไม่แข็งแรงอย่างไม่รู้จบ
ความท้าทายของแผนกจัดซื้อ คือ การต้องวางแผนจัดซื้อ-จัดจ้างให้มีประสิทธิภาพ เหมาะสม และรัดกุมมากที่สุด ตั้งแต่การคัดเลือกผู้รับเหมา ผลิตภัณฑ์ที่เหมาะสมสำหรับหน้างานซ่อมผิวถนนคอนกรีต รวมถึงการวางแผนจัดการต้นทุนอย่างรัดกุม เพื่อให้งานซ่อมถนนในหน้าฝนนี้ไม่ใช่ฝันร้ายอีกต่อไป
ปัญหาการซ่อมถนนในหน้าฝน
อุปสรรคสำคัญของการซ่อมผิวถนนในฤดูฝนมีหลากหลายสาเหตุ และอย่างที่ทราบกันดี ทุกสาเหตุล้วนส่งผลกระทบต่อกันเป็นลูกโซ่ วันนี้ Ferro จะขอสรุปปัญหาการซ่อมถนนที่ช่างเจอบ่อย เพื่อให้ทุกคนเห็นภาพได้ชัดเจน ดังนี้ครับ
ความชื้นสะสมในคอนกรีต
ถนนที่ผ่านฝนตกหนักมานานตลอดทั้งคืนหรือตลอดหลายสัปดาห์ ทำให้คอนกรีตเดิมเจอปัญหาความชื้นสะสมมากเกินไป การเทซ่อมผิวถนนคอนกรีตขณะที่คอนกรีตอมน้ำไว้มากเกินไป นอกจากจะทำให้ปูนแห้งช้ากว่าปกติ ความแข็งแรงลดลงแล้ว ยังเสี่ยงต่อการหลุดล่อน โป่งพองในอนาคตได้
หากถามว่า ทำไมความชื้นสะสมในคอนกรีตจึงสัมพันธ์กับการหลุดล่อน โป่งพองของพื้นผิวที่เทไปใหม่ สาเหตุก็เพราะเกิดจากการหายใจของคอนกรีต (Vapor) เพราะเมื่อคอนกรีตเจอสภาพอากาศร้อนและแดดจ้า น้ำในคอนกรีตจะเกิดการระเหยตัว แต่ไม่สามารถคายน้ำได้ เพราะมีปูนซ่อมผิวถนนคอนกรีตเทปิดทับอยู่ด้านบน จึงเกิดการดันชั้นผิวคอนกรีตด้านบนให้โป่งพอง และหลุดล่อนได้นั่นเองครับ
ฝนตกกะทันหัน
ช่างกลุ้มใจทุกครั้งเวลาเจอปัญหาฝนตกกะทันหันหลังเทซ่อมผิวถนนคอนกรีตไปแล้ว ยิ่งหากพื้นคอนกรีตยังไม่แห้งหรือเซ็ตตัวไม่ดีพอ สายฝนที่พัดลงมาจะชะล้างพาปูนที่อยู่ผิวด้านบนให้หายไปหมด เหลือเพียงหิน และดินทราย ทำให้เกิดปัญหาที่เรียกว่า “ผิวหน้าคอนกรีตเสีย”
เจ้าของโครงการหลายคนคงไม่อยากเพิ่มต้นทุน สกัดทิ้งแล้วเทใหม่ เพราะผิวหน้าคอนกรีตเสียหาย จึงต้องหาโซลูชันใหม่ซ่อมผิวถนนที่ตอบโจทย์ปัญหานี้ ซึ่งกว่า 600 โครงการในประเทศไทย เลือกใช้ “ปูนซ่อมผิวถนนคอนกรีต” เฟอร์โรกรีต 216 ปูนซ่อมผิวพื้นถนนที่ช่วยคืนสภาพคอนกรีตเสียหายจากสายฝนให้กลับมาพร้อมเปิดใช้งานได้ภายใน 6 ชั่วโมง
การทำงานล่าช้า
ปัญหาฝนตกหนัก อาจทำให้ผู้รับเหมาต้องหยุดงานซ่อมถนนบ่อยครั้ง ส่งผลให้การทำงานเกิดความล่าช้าเกินกว่ากำหนดเดิมที่วางไว้ ยิ่งงานล่าช้ามากเท่าไหร่ ผู้รับเหมาก็เสี่ยงต้องแบกภาระค่าใช้จ่ายมากขึ้นเท่านั้น

หากมีฝนตกติดต่อกันเป็นระยะเวลานานหลายสัปดาห์ ก็ยิ่งทำให้เสี่ยงปัญหาส่งงานไม่ทัน เสี่ยงโดนค่าปรับมหาศาลด้วย การทำงานในฤดูฝนจึงต้องวางแผนอย่างรัดกุมที่สุด เพื่อลดปัญหาที่อาจจะเกิดขึ้นให้ได้มากที่สุดนั่นเองครับ
งบประมาณบานปลาย
แน่นอนว่า การทำงานล่าช้าย่อมมาคู่กับงบประมาณที่เพิ่มขึ้นอย่างเลี่ยงไม่ได้ ไม่ว่าจะเป็นค่าเช่าเครื่องจักรที่ต้องนานขึ้น ค่าแรงงาน และค่าบริหารจัดการอื่น ๆ ค่าเสียโอกาส รวมถึงการซ่อมแซมงานในกรณีที่งานเกิดความเสียหายด้วย
ไม่เพียงแต่ผู้รับเหมาที่ไม่อยากเจอปัญหางบบานปลาย แต่ฝ่ายจัดซื้อจัดจ้าง รวมถึงเจ้าของกิจการก็เช่นเดียวกัน เพราะค่าใช้จ่ายจากงานล่าช้ามีต้นทุนแฝงค่อนข้างเยอะ และยิ่งหากผู้รับเหมาต้องเร่งทำงานท่ามกลางสภาพอากาศที่ไม่อำนวย ผลลัพธ์งานอาจจะไม่ได้ตามมาตรฐาน สุดท้ายก็ต้องกลับมาเสียงบประมาณเพื่อซ่อมแซมงานซ้ำซากไม่จบไม่สิ้น
วิธีเตรียมแผนซ่อมถนนหน้าฝนให้ “รอด”
การซ่อมผิวถนนคอนกรีตในหน้าฝนมีความท้าทายอย่างมาก การจะเตรียมแผนรับมือเพื่อซ่อมถนนในหน้าฝนให้งานออกมามีคุณภาพ ลดความเสี่ยงปัญหางานล่าช้า และการแก้งานซ้ำซ้อน
ถ้าอยากรู้ว่าวิธีการเตรียมแผนซ่อมพื้นถนนให้ “รอด” และ “มีประสิทธิภาพ” ในหน้าฝนควรต้องทำอย่างไร สามารถนำแนวทางที่อิงจากประสบการณ์จริงจากทีมช่างเทคนิคภาคสนาม ผู้เชี่ยวชาญเรื่องซ่อมผิวถนนคอนกรีตต่อไปนี้ ไปปรับใช้ได้เลยครับ
1.วางแผนงบประมาณและงบสำรองฉุกเฉิน
เพื่อให้การจัดสรรงบประมาณพร้อมรับมือในกรณีฉุกเฉินที่อาจจะเกิดขึ้นได้ในหน้าฝนมากที่สุด ควรเผื่องบประมาณไว้อย่างน้อย 10-15% ของงบประมาณทั้งหมด
การสำรองเงินฉุกเฉินไว้ จะช่วยให้สามารถรับมือกับความผันผวนของรายจ่ายได้ดียิ่งขึ้น ทั้งค่าแรงงานในกรณีที่งานเกิดความล่าช้าจากฝนตก และค่าวัสดุอุปกรณ์ที่อาจมีราคาสูงกว่าปกติในฤดูฝน
เงินสำรองอย่างน้อย 10-15% ที่มาจากการวางแผนไว้อย่างรอบคอบอยู่แล้วตั้งแต่เริ่มแรก จะช่วยเพิ่มความยืดหยุ่นในการทำงานซ่อมผิวถนนคอนกรีตได้ดียิ่งขึ้น
2.มีแผนสำรองในการทำงานช่วงฝนตก
ความพร้อมในการรับมือของผู้รับเหมา ก็เป็นอีกหนึ่งปัจจัยสำคัญที่ควรพิจารณา เพราะทีมที่มีประสบการณ์และมีแผนสำรองในการทำงาน จะช่วยให้งานเสร็จได้ตรงเวลา เปิดใช้งานได้ตามกำหนดที่ตั้งไว้ โดยแผนสำรองที่ควรพิจารณาในกรณีฉุกเฉิน มีดังนี้
กรณีฝนตกหนักหรือฝนตกต่อเนื่อง อาจทำให้การทำงานเกิดความล่าช้าได้ง่าย จึงจำเป็นต้องมีแผนสำรอง เช่น การสลับลำดับการทำงาน หรือทำงานบางส่วนแทนก่อนในระหว่างที่ฝนตกหนัก
แนวทางการจัดการเครื่องจักรและอุปกรณ์ต่าง ๆ เช่น กรณีที่มีการสกัดพื้นเดิมทิ้งแล้วเทคอนกรีตใหม่ อาจจำเป็นต้องใช้เครื่องจักรใหญ่ จึงต้องมีวิธีการป้องกันไม่ให้เครื่องจักรเสียหาย หรือเกิดการรั่วไหลของน้ำมันได้
แนวทางการรับมือในกรณีฝนตกหลังเทคอนกรีตเสร็จ เช่น การเตรียมผ้าใบไปไว้ใช้คลุมพื้นหลังเทเสร็จ การปูแผ่นกันน้ำ เพื่อปกป้องผิวคอนกรีตจากเม็ดฝนที่จะชะล้างจนทำให้ผิวหน้าคอนกรีตเสียหายได้
3.ใช้วัสดุซ่อมถนนที่เหมาะกับสภาพอากาศ
วัสดุสำหรับซ่อมถนนคอนกรีต เปรียบเสมือนผู้ชี้ชะตาว่าการซ่อมแซมถนนในครั้งนี้ จะผ่านไปด้วยดีหรือไม่? การซ่อมถนนหน้าฝนจึงควรเลือกวัสดุแห้งเร็ว เซ็ตตัวไว เพื่อลดความเสี่ยงที่พื้นจะสัมผัสกับน้ำ ขณะเดียวกันก็ต้องมีค่ารับน้ำหนักสูง เพิ่มความแข็งแรงได้ดี ทนทานต่อสภาวะอากาศได้ดี
ตัวอย่างวัสดุที่ตอบโจทย์ในฤดูฝน:
เฟอร์โรกรีต 216 ปูนซ่อมผิวคอนกรีต ชนิดพิเศษที่มีคุณสมบัติเซ็ตตัวไว เหมาะกับงานซ่อมถนนที่ไม่สามารถหยุดการใช้งานได้นาน เช่น ถนนหน้าโรงงาน, ลานจอดรถ, ถนนทางเข้าหมู่บ้าน ปั๊มน้ำมัน, ลานศูนย์กระจายสินค้า ฯลฯ
ด้วยคุณสมบัติพิเศษแห้งเร็ว ช่วยลดเวลาปิดใช้งาน สามารถเปิดใช้งานให้รถผ่านได้ภายใน 6 ชั่วโมง เฟอร์โรกรีต 216 จึงตอบโจทย์สำหรับงานซ่อมผิวถนนคอนกรีต เป็นอย่างมาก ทั้งยังค่ากำลังอัดคอนกรีตสูงกว่า 300 KSC+ แรงยึดเกาะสูง และช่วยลดความเสี่ยงการซ่อมซ้ำช่วงฝนตก
เหมาะอย่างยิ่งสำหรับผู้รับเหมาและแผนกจัดซื้อที่ต้องการ “วัสดุซ่อมพื้นผิวคอนกรีตที่เร็ว ดี มีคุณภาพ ลดต้นทุนแฝงจาก downtime” ได้เป็นอย่างดี
4.ตรวจสอบพื้นคอนกรีตก่อนซ่อม
เพื่อให้แน่ใจว่าพื้นถนนคอนกรีตที่จะเทซ่อมจะไม่เจอปัญหาพื้นหลุดล่อนตามมา ก่อนเทซ่อมด้วยปูนซ่อมผิวถนนคอนกรีตควรใช้เครื่องวัดความชื้นก่อนเริ่มทำงาน ซึ่งความชื้นสะสมในเนื้อคอนกรีตต้องไม่เกิน 4% จึงจะสามารถเทซ่อมได้
ทำงานหน้าฝนราบรื่น ถ้าวางแผนถูกจุด
การเลือกวัสดุที่เหมาะสมสำหรับฤดูกาล จะช่วยให้การทำงานหน้าฝนราบรื่น ลดปัญหางบประมาณและคุณภาพงานที่ได้ อีกทั้งยังไม่ต้องกังวลว่าจะต้องเสียค่าใช้จ่ายในการซ่อมแซมซ้ำซาก
การซ่อมถนนในหน้าฝนไม่ใช่แค่เรื่องของเวลา แต่เป็นเรื่องของการวางแผนทั้งระบบ ตั้งแต่งบประมาณ วัสดุ ไปจนถึงทีมผู้รับเหมา การรับงานซ่อมถนนสำหรับผู้รับเหมาในช่วงหน้าฝน จึงจำเป็นต้องมีแผนสำรองในการทำงานที่รัดกุม รวมถึงการเลือกวัสดุซ่อมผิวคอนกรีตเซ็ตตัวไว เช่น เฟอร์โรกรีต 216 จึงกลายเป็นหนึ่งในตัวช่วยสำคัญที่ทำให้ผู้รับเหมา รวมถึงลูกค้ามั่นใจได้ว่า งานจะไม่ล่าช้า งบจะไม่บาน และถนนจะใช้งานได้รวดเร็วและปลอดภัย
ถ้ามีระบบการวางแผนงานที่ดีตั้งแต่เริ่มแรกตามที่ Ferro ได้แนะนำไป ไม่ว่าจะเจอหน้างานซ่อมถนนในฤดูฝนอีกกี่ครั้ง การซ่อมผิวถนนคอนกรีตก็จะไม่ใช่เรื่องน่ากลัวอีกต่อไปแล้ว

