ถนนคอนกรีต vs ถนนลาดยาง เลือกแบบไหนดีให้เหมาะกับงานของคุณ?
- Ferro Construction Products co., ltd
- 24 ก.ค.
- ยาว 2 นาที
เคยสงสัยกันไหมครับ? ทำไมเวลาเราขับรถผ่านถนนบางสายถึงดูแน่นหนา เรียบแข็งแรง แต่บางสายกลับดูนุ่มขับสบาย นั่นก็เป็นเพราะว่าถนนแต่ละประเภทมี "โครงสร้าง" และ "วัสดุ" ที่ต่างกันโดยสิ้นเชิงไม่ว่าจะเป็น ถนนคอนกรีต ที่ขึ้นชื่อเรื่องความทนทาน หรือ ถนนลาดยาง ที่ให้ความนุ่ม เงียบ
บทความนี้เป็นประโยชน์มากสำหรับการศึกษาว่าถนนทั้ง 2 ประเภทนั้นแตกต่างกันอย่างไร ควรเลือกใช้แบบไหนถึงจะคุ้มค่ามากกว่ากัน ทั้งยังมีการเปรียบเทียบข้อดี-ข้อเสียของถนนทั้งสองแบบอย่างลึกซึ้ง พร้อมวิธีการดูและรักษาและ ซ่อมแซมถนนคอนกรีต ด้วยปูนซ่อมพื้นคอนกรีต นวัตกรรมใหม่ที่ช่างหลายคนยังไม่รู้จัก มั่นใจได้เลยว่า อ่านบทความนี้จบแล้วได้คำตอบที่ต้องการแน่นอน ถ้าพร้อมแล้วไปเริ่มกันเลยครับ!
ถนนคอนกรีต VS ถนนลาดยาง ต่างกันอย่างไร?
การเลือกประเภทถนนที่เหมาะสมกับพื้นที่การใช้งาน จำเป็นอย่างมากที่จะต้องเข้าใจพื้นฐานของแต่ละประเภทก่อน ทั้งในแง่โครงสร้าง วัสดุที่ใช้ และขั้นตอนการก่อสร้าง หากเข้าใจภาพรวมทั้งหมด เราจะเห็นความแตกต่างของถนนทั้ง 2 ประเภทได้ชัดเจนมากขึ้น ดังนี้เลยครับ
1. โครงสร้างโดยรวมของถนน
การรู้โครงสร้างโดยรวมของถนนจะช่วยให้เราเข้าใจภาพรวม สามารถประเมินความเหมาะสมและลักษณะการใช้งานได้แม่นยำขึ้น เมื่อพื้นถนนเกิดความเสียหาย จะสามารถหาวัสดุที่นำมาใช้ในการซ่อมแซมได้อย่างเหมาะสมได้มากกว่านั่นเอง ส่วนโครงสร้างของถนนทั้ง 2 ประเภทจะเป็นยังไง มาทำความเข้าใจไปพร้อมกันได้เลยครับ

1.1 ถนนคอนกรีต (Concrete Road)
ลักษณะสำคัญของถนนคอนกรีต คือ การมีโครงสร้างถถนนที่แข็งแรง ผิวถนนสามารถรับน้ำหนักได้ดี ทนทานต่อการสึกหรอ ด้วยการกระจายแรงผ่านแผ่นคอนกรีตไปยังฐานโครงสร้างด้านล่าง ถนนคอนกรีตจึงเหมาะกับการสัญจรด้วยรถยนต์ รถทัวร์ รถบรรทุกขนาดใหญ่ โดยโครงสร้างที่สำคัญของถนนคอนกรีต ประกอบด้วย
แผ่นพื้นคอนกรีตเสริมเหล็ก
ชั้นรองพื้น เช่น หินคลุก ทรายหยาบ
ดินถมบดอัดแน่น
1.2 ถนนลาดยาง (Asphalt Road)
ถนนลาดยาง หรือที่หลายคนเรียกว่า “ถนนยางมะตอย” จะมีลักษณะพื้นผิวที่เรียบเนียน มีความเรียบและรถวิ่งได้ลื่นมากกว่าโครงสร้างมีความยืดหยุ่นมากกว่า ทำให้สามารถกระจายแรงกดทับจากรถลงสู่พื้นดินด้านล่างได้ดี แต่อายุการใช้งานอาจเสื่อมสภาพได้เร็วกว่า เนื่องจากมีความอ่อนไหวต่อสภาพอากาศ เช่น อุณหภูมิสูงฝน แดดจัด หรือฝนตกหนัก
เรามักจะเห็นถนนลาดยางในพื้นที่ทั่วไป โครงการขนาดเล็ก รวมถึงถนนหลวง เพราะถนนมีคุณสมบัติเก็บเสียงได้ดี โดยทั่วไปมักประกอบด้วย
ชั้นผิวทางยางแอสฟัสต์
ชั้นรองพื้นหรือหินคลุก
ดินถมบทอัดแน่น
รู้ก่อนเลือก…ข้อดี-ข้อเสียของถนนแต่ละแบบ
การสร้างถนนต้องใช้งบประมาณและต้นทุนการทำงานที่สูงมาก จึงต้องมีข้อพิจารณาถึงความเหมาะสมของหน้างาน งบประมาณที่ต้องใช้จ่าย อายุการใช้งานที่ทนทาน และค่าใช้จ่ายระยะยาว เช่น การบำรุงรักษา ค่าใช้จ่ายในการซ่อมแซม
แม้คุณจะรู้แล้วว่าถนนลาดยางโดดเด่นเรื่องความยืดหยุ่น และคอนกรีตขึ้นชื่อเรื่องความแข็งแรง แต่เพื่อให้คุณรู้รายละเอียดที่ลึกขึ้นเพื่อนำข้อมูลมาใช้ประกอบการตัดสินใจ Ferro ได้สรุปข้อดีและข้อเสียของถนนแต่ละประเภทไว้ชัดเจนด้านล่าง ดังนี้
1.ถนนลาดยาง
เรามักจะพบเห็นถนนลาดยางหรือถนนยางมะตอย ได้ตามท้องถนนหลวงทั่วไป เพราะมีคุณสมบัติที่ยืดหยุ่นและติดตั้งได้รวดเร็ว

ข้อดี
ต้นทุนและงบประมาณในการก่อสร้างต่ำ
การก่อสร้างรวดเร็ว : สามารถเปิดใช้งานได้เลยทันทีหลังลาดยางเสร็จ
ความยืดหยุ่นสูง ถนนสามารถปรับตัวและกระจายแรงกดทับได้ดี
ลดเสียงรบกวน: ทำให้ผู้ใช้รถใช้ถนนขบขี่ได้เงียบ เพราะผิวถนนที่เรียบเนียนช่วยลดเสียงยางรถยนต์ได้ดีกว่า
ข้อเสีย
อายุการใช้งานสั้น : ถนนเสื่อมสภาพเร็วกว่าคอนกรีต โดยเฉพาะในพื้นที่ที่มีอุณหภูมิสูงหรือน้ำท่วม
ค่าใช้จ่ายในการบำรุงรักษาและซ่อมแซมสูง เพราะวิธีการซ่อมแซมต้องปูพื้นผิวถนนใหม่
ดูดซับความร้อน จากแสงอาทิตย์ได้มาก ทำให้ในช่วงกลางวัน โดยเฉพาะในช่วงฤดูร้อนผิวถนนจะมีอุณหภูมิสูงขึ้น ทำให้เกิดรอยแตกร้าวได้ง่าย
2.ถนนคอนกรีต
ขึ้นชื่อเรื่องวัสดุที่แข็งแรงทนทานต้องยกให้ถนนคอนกรีต เหมาะสำหรับพื้นที่ที่ต้องการความทนทานและมีการจราจรหนาแน่น
ข้อดี
ทนทานต่อการบรรทุกหนัก: สามารถรองรับน้ำหนักจากรถบรรทุกหนักได้ดี จึงเหมาะสำหรับถนนรอบโกดัง ศูนย์กระจายสินค้า โรงงานอุตสาหกรรม ลานจอดรถบรรทุก
ความคุ้มค่าในระยะยาวสูงกว่า เนื่องจากไม่ต้องการการบำรุงรักษาบ่อยเท่าถนนลาดยาง
สะท้อนแสงได้ ช่วยลดความร้อนสะสมบนผิวถนนมากกว่าถนนลาดยาง และช่วยให้ทัศนวิสัยในการขับขี่ตอนกลางคืนดีขึ้น
ข้อเสีย
ค่าใช้จ่ายในการก่อสร้างสูง จากใช้วัสดุและแรงงานคนในการก่อสร้างสูงกว่า
ระยะเวลาในการก่อสร้างนาน เพราะมีขั้นตอนที่ซับซ้อนและต้องใช้เวลานานเพื่อรอคอนกรีตเซ็ตตัวและแข็งแรงก่อน จึงจะสามารถเปิดใช้งานได้
ซ่อมแซมยาก เพราะหากพื้นคอนกรีตทรุดตัวหรือเกิดความเสียหายเชิงโครงสร้าง แตกร้าว จะต้องรื้อและเทคอนกรีตใหม่ทั้งแผ่น ซึ่งต้องใช้งบประมาณสูง
เสียงดังกว่า ผิวสัมผัสที่แข็งและหยาบกว่าจากรอยกรีดหน้าลาย อาจทำให้เกิดเสียงดังจากการเสียดสีของยางรถยนต์ขณะขับขี่
ควรเลือกถนนแบบไหนให้เหมาะกับการใช้งาน?
ไม่ว่าจะเลือกผิวจราจรแบบไหน ก็ไม่ได้มีคำตอบตายตัวว่าถนนแบบไหนดีที่สุด เพราะถนนแต่ละประเภทต่างมีข้อจำกัดในการใช้งานที่แตกต่างกัน การตัดสินใจเลือกเพื่อให้ได้ถนนที่คุ้มค่าและตอบโจทย์ด้านการใช้งาน จึงต้องพิจารณาปัจจัยหลาย ๆ อย่างให้ถี่ถ้วนและรอบคอบมากที่สุด
นี่คือ 4 Checklist ที่ควรนำมาเป็นเกณฑ์การพิจารณา
งบประมาณในการก่อสร้าง หากมีงบประมาณจำกัดถนนลาดยางอาจเป็นคำที่ดีที่สุด แต่หากมองถึงความคุ้มค่าในการใช้งานระยะยาว แม้ถนนคอนกรีตจะมีค่าใช้จ่ายสูงกว่า แต่หากพิจารณาเรื่องนี้แล้ว อาจจะคุ้มค่ามากกว่า
ประมาณและความหนาแน่นของการจราจร หากพื้นที่มีการสัญจรของรถใหญ่เข้าออกแทบจะตลอดเวลา เช่น ถนนในนิคมอุตสาหกรรม, ลานจอดรถบรรทุก, หรือถนนเข้าโกดังสินค้า การเลือกถนนคอนกรีตจะเหมาะสมมากว่า ด้วยคุณสมบัติของผิวจราจรที่แข็งแรงทนทานและรองรับน้ำหนักได้ดี
ระยะเวลาในการก่อสร้างและการดูแลรักษา หากต้องการถนนที่บำรุงรักษาเปิดใช้งานได้เร็วกว่า ถนนลาดยางมะตอยอาจตอบโจทย์ได้ดีกว่า แต่หากมองในมุมด้านบำรุงรักษาน้อยครั้ง และ อายุการใช้งานที่ยาวนาน โดยไม่ติดเรื่องระยะเวลาการก่อสร้าง ถนนคอนกรีต คือตัวเลือกที่เหมาะสมกว่า
ความทนทานต่อสภาพภูมิอากาศ ถนนคอนกรีตอาจทนความทนได้ดีกว่าถนนลาดยาง ช่วยลดโอกาสในการอ่อนหรือยุบตัวได้ ขณะที่ถนนลาดยางสามารถปรับตัวเพื่อรับแรงจากการสัญจรได้ดี อาจลดการแตกร้าวบนผิวหน้าคอนกรีตได้ดีกว่า
อย่างไรก็ตาม ถนนจะแข็งแรง คงทนและมีอายุการใช้งานได้นานแค่ไหนนั้น ขึ้นอยู่กับลักษณะการใช้งาน แม้คอนกรีตจะมีความแข็งแรงมาก แต่ก็ไม่ใช่ว่าจะไม่มีโอกาสเสียหายเลย การมีวิธีเลือกปูนสำหรับซ่อมถนนอย่างเหมาะสมด้วยวัสดุที่ตอบโจทย์กับการใช้งาน จะช่วยลดค่าใช้จ่ายได้มากในระยะยาว
ไม่ว่าจะเลือกแบบไหน...การดูแลและซ่อมแซมก็เป็นสิ่งสำคัญ!
การดูแลและบำรุงรักษาถนนอย่างสม่ำเสมอเป็นสิ่งสำคัญที่จะช่วยยืดอายุการใช้งานให้มีประสิทธิภาพสูงสุด รวมถึงช่วยให้คุสามารถจัดการกับปัญหาที่เกิดขึ้นได้อย่างเหมาะสม
1.การบำรุงรักษาเบื้องต้น
การดูแลรักษาถนนคอนกรีตเบื้องต้น สามารถทำได้ด้วยการหมั่นตรวจเช็กพื้นที่ถนนอยู่เสมอ โดยเฉพาะรอยต่อ (Joints) เพราะรอยต่อของแผ่นคอนกรีตมีความสำคัญในการรองรับการขยายตัวและหดตัวของคอนกรีตตามการเปลี่ยนแปลงอุณหภูมิ รวมถึงวัชพืชที่ขึ้นตามรอยต่อหรือขอบถนน หากปล่อยไว้นาน ๆ แล้วต้นนั้นหยั่งรากลึกอาจทำให้โครงสร้างคอนกรีตเสียหายได้ จึงควรมีการกำจัดวัชพืชอย่างสม่ำเสมอ
นอกจากนี้แล้ว การหมั่นตรวจสอบระบบระบายน้ำรอบถนน ว่าสามารถระบายน้ำได้ดี ไม่มีสิ่งอุดตันทางเดินน้ำ ก็เพื่อป้องกันไม่ให้มีน้ำขังบนผิวถนน ลดปัญหาการทรุดตัวหรือการพังทลายของโครงสร้างได้
2.การซ่อมแซมรอยแตกร้าวและผิวหลุดล่อน
การซ่อมแซมปูนแตกร้าวบนพื้นคอนกรีตทันที จะป้องกันไม่ให้ความเสียหายลุกลามใหญ่ขึ้นได้ หากเป็นปัญหารอยร้าวเล็กน้อย เช่น รอยร้าวเส้นผม สามารถซ่อมแซมได้ด้วยการทำความสะอาดรอยร้าว แล้วเทวัสดุอุดรอยร้าว เช่น อะคริลิคซ่อมรอยร้าว เติมลงไปยังรอยดังกล่าวเพื่อลดขนาดรอยร้าวให้เล็กลงได้
นอกจากนี้ ปัญหาที่มักพบส่วนใหญ่หลังจากการใช้งานถนนคอนกรีตไปสักระยะแล้ว เรื่องการหลุดล่อนของพื้นผิว ในลักษณะผิวคอนกรีตด้านบนหลุดออกไปเป็นชิ้นๆ หรือเป็นหลุมเล็ก สามารถซ่อมแซมได้ด้วยปูนซ่อมพื้นคอนกรีต แต่การซ่อมด้วยวิธีนี้ต้องมั่นใจว่า โครงสร้างเดิมของพื้นจะต้องมีค่ารับน้ำหนักไม่ต่ำกว่า 210 KSC.
การเลือกวัสดุซ่อมถนนที่เหมาะสม เช่น ปูนซ่อมผิวหน้าคอนกรีต เฟอร์โรกรีต 216 เป็นการกรรมวิธีการซ่อมผิวจราจรยุคใหม่ที่จะช่วยฟื้นฟูผิวหน้าคอนกรีตให้กลับมาสวยงาม ไร้รอยต่ำ ด้วยการซ่อมบาง 3-8 มิล ข้อดี คือ การซ่อมด้วยวิธีการนี้ไม่จำเป็นต้องรื้อพื้นเดิมออก รวมถึงมีการยึดเกาะที่ดีเยี่ยม ทนต่อแรงเสียดสีของล้อรถยนต์ เหมาะทั้งกับการซ่อมเฉพาะจุด หรือการซ่อมทั้งแผง ช่วยคุณลดงบประมาณในการซ่อมแซมได้เป็นอย่างดี
ไม่ว่าคุณจะเลือกทำพื้นถนนแบบไหน การดูแล หมั่นตรวจสอบสภาพของถนน และซ่อมแซมที่ตรงจุด จะช่วยยืดอายุการใช้งานและคงประสิทธิภาพของถนนไว้ให้ดีที่สุดแน่นอนครับ